Menu.Menu.
Interview
Fashion
Art & Design
Music
Movie
Social Issue
Culture
History
Interview
Fashion
Art & Design
Music
Movie
Social Issue
Culture
History
story
Yasintorn
photographer
published
27.4.25
644
Thai
English
View this post on Instagram

A post shared by EQ (@eq_archives)

View this post on Instagram

A post shared by EQ (@eq_archives)

คุยกับ KIKI กรู๊ฟไซไฟสุดเนี้ยบที่อยากพาคนฟังทะยานสู่อวกาศกับอัลบั้มใหม่

ลมหนาวยังคงหายใจอยู่ในยามบ่ายที่ EQ นัดสัมภาษณ์กับ KIKI (กีกี้) วงร็อก ป๊อป ฟังก์ อิเล็กทรอนิกส์จาก Parinam Music โดยมีสมาชิกหลักคือ เฮเลน-เฮเลน่า อะมาร็องตินิซ์ พันธุ์สุข (ร้องนำ), บอส-ภูริช พันธุ์สุข (กีต้าร์, ซินท์ธีไซเซอร์) และนนท์-ธนญ แสงเล็ก (กีต้าร์)

พวกเขาเล่าว่า ชื่อวงไม่ได้มาจากการ์ตูนแม่มดน้อยและไม่ใช่สมุนตัวร้ายในมาสก์ไรเดอร์ แต่เป็นเพราะชื่อแรกอย่าง JUJU (แมวของเฮเลน) ดันไปซ้ำกับศิลปินญี่ปุ่น พวกเขาจึงมองหาคำอื่นที่สั้น ง่าย สตรอง และโดดเด่นเมื่ออยู่บนไลน์อัปประชาสัมพันธ์ต่างๆ หวยจึงมาออกที่ ‘KIKI’

“มันย้อนไปถึงตอนที่เพื่อนชื่อกู้เรียกเราว่า ‘กีกี้’ เพราะมันบอกว่าชื่อเฮเลนเรียกยาก ขอเรียกว่ากีกี้กับกูกู้นะ เรียกแบบนี้ครั้งแรกตอนกู้พาเราไปแนะนำตัวกับพี่บอส เป็นกีกี้กับกูกู้ แล้วมีแค่คนเดียวที่เรียกเราแบบนี้” เฮเลนแรปให้ EQ ฟังถึงความทรงจำเมื่อหลายปีที่แล้ว

KIKI ฟอร์มวงในปี 2021 ท่ามกลางความคุกรุ่นของโรคระบาดโควิด-19 และอุณหภูมิทางการเมืองไทย ผลงานอีพีแรกจึงโฟกัสที่ปัญหาสังคมเป็นหลัก ปีถัดมา พวกเขาทำอัลบั้มแรกและเลือกพูดถึงอาการผิดหวังบนเส้นทางก่อนเจอร่างสมบูรณ์ของตัวเอง ส่วนอัลบั้มที่สองอาจเรียกได้ว่าเป็นการโฟกัสกับตัวเองหลังเผชิญเรื่องหนักหน่วง อย่างไรก็ตาม วิธีการทำงานที่ผ่านมาเป็นเพียงการกำหนดธีมคร่าวๆ และปล่อยอารมณ์ให้ไหลไประหว่างการเขียน ร้อง อัด มิกซ์ และโปรดิวซ์กันเอง

ในปีนี้ KIKI มีแพลนปล่อยอัลบั้มใหม่ โดยปล่อย 2 ซิงเกิลมาให้ชิมกันเบาๆ แล้วอย่าง Love is so Unreal และ Baby ที่ได้ อาร์ท-อรรณพ มุสิกโปดก อดีตมือกีต้าร์แห่ง GOOSE มาละเลงวิชวลของทั้งปกซิงเกิลและ MV อัลบั้มนี้เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของ KIKI ที่อยากให้ผลงานกลมกล่อมและดีขึ้นกว่าเดิม 

“อัลบั้ม 3 เป็นเป้าหมายที่เราอยากทำให้ดีกว่าเดิม รอบนี้เรามองมันเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง จะวนเวียนกับความรักมากขึ้น ความรักที่ดี ความรักที่ไม่ดี ความรักหลายรูปแบบ เพราะเป็น topic ที่เรายังไม่ค่อยแตะเท่าไร”

ตามมาพูดคุยถึงหมุดหมายปี 2025 และมาหาแรงบันดาลใจกันต่อเลย!

‍

‍

หลังจากปล่อยอีพี We’re blamed for who we are, and the we are forgotten (2021) อัลบั้ม Metamorphosis: Final Stage (2022) และ Post-existential Crisis (2023) อยากรู้ว่า KIKI ในปัจจุบันนิยามตัวเองว่าอะไร?

บอส : มีความสนุก มีกรู๊ฟอยู่ในทุกอย่าง

นนท์ : มีอิเล็กทรอนิกส์บ้าง นิดหน่อย

เฮเลน : เรื่องของเรื่องคือ ต่างคนต่างชอบวงหลากหลายมากๆ เรารู้สึกว่าถ้าเราเอาสิ่งที่เราชอบทุกแบบมาอยู่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว

บอส : เรารู้สึกว่า เราทำแนวดนตรีกันประมาณไหนก็ตาม สุดท้ายมันอยู่ที่การรับรู้ของคนฟังว่าเขาผ่านเพลงอะไรกันมาบ้าง แล้วเขาจะคิดว่าเราคือแนวไหน เพราะสุดท้ายพอคนทำทำไปเรื่อยๆ ผสมนี่ผสมนั่น เรามีแก่นของเราอยู่แหละ จะให้มันเป็นอิเล็กทรอนิกส์ป๊อปก็เป็นได้นะ แล้วแต่ว่าคนฟังเขารู้สึกยังไง

สำหรับเรา เรามองว่า KIKI มีความเป็น Sci-fi Funk

บอส : จริงๆ ก็ใกล้กับคอนเซ็ปต์ที่เราทำเป็น Disco space

เฮเลน : เรามีวงอิเล็กทรอนิกส์หลายวงที่ชื่นชอบ แต่พอดูเขาเล่นสด มันไม่ได้สด เราเลยอยากถ่ายทอดความเป็นอิเล็กทรอนิกส์ออกมาในรูปแบบของแบนด์

บอส : นั่นคือจุดประสงค์ที่เราเอาอิเล็กทรอนิกส์มาผสมและนำเสนอในรูปแบบของ live เพราะวงที่เราทั้งสามคนชอบมากๆ ก็คือ Daft Punk แต่เขาก็ไม่เคยเล่นเป็นแบนด์ให้เราเห็นสักที แต่เขาอัดอัลบั้ม Random Access Memories (2013) เขาอัดจริง นั่นคือสิ่งที่เราอยากได้ยินจากเขา 

พูดถึง Daft Punk มีศิลปินที่ชอบกันอีกมั้ย?

เฮเลน : เฮเลนชอบ Phoenix

บอส/นนท์ : เราก็ชอบ

บอส : ส่วนใหญ่เราจะวนเวียนอยู่กับเฟรนช์ป๊อป อาจจะเป็นจุดร่วมเดียวกัน

เฮเลน : เหมือนเราต้องฟังเพลงมากขึ้น เพราะเราผลิตเองด้วย การเสพมันก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน 

เพลงของ KIKI อยากพูดถึงเรื่องอะไร?

เฮเลน : ตอนอีพีแรก เราอิงเรื่องการเมือง เพราะเป็นช่วงที่การเมืองดุเดือดมาก และเราเพิ่งฟอร์มวงกัน เรามีเรื่องที่อยากเขียนถึง แต่เราใหม่มากกับการเขียนเพลง ซึ่งปกติเราอ่านหนังสือ เราเขียนอยู่แล้ว แต่พอเป็นเพลง เราไม่รู้ว่าจะแสดงออกยังไงดี ถ้าเปิดตัวด้วยเพลงรัก เราก็ยังนึกไม่ค่อยออก เราเลยลองมาโทนหม่นๆ มีความไม่สว่าง เราอยากพูดในจุดที่หลายคนยังไม่ได้พูดผ่านการบรรเลงเพลง พอมาเป็นอัลบั้ม Metamorphosis: Final Stage (2022) ช่วงนั้นยังเป็นช่วงโควิด-19 พออยู่บ้านบ่อยๆ เรารู้สึกหดหู่ เลยอยากทำเพลงที่ให้กำลังใจคน และเราอยากพูดเรื่อง personal จากความสัมพันธ์ที่ผ่านมาด้วย จะวนเวียนตรงนั้น คนเขียนเพลงก็เหมือนผู้ประพันธ์คนหนึ่ง และเรายังไม่ได้เปิดโลกมากพอที่จะสร้าง scenario ใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อถ่ายทอดสิ่งใหม่ เรายังไม่มี capacity เพื่อสร้างเรื่องราวใหม่ๆ สมมุติมีโจทย์ให้แต่งเพลงรักหรือเพลงอื่นๆ แต่เรายังหาตัวเองอยู่เลย เราไม่มีความมั่นใจมากพอจะไปลุยตรงนั้น เราคิดว่าการเล่าเรื่องที่เราเจอมาน่าจะง่ายที่สุด

บอส : Metamorphosis: Final Stage (2022) เล่าเรื่องตัวเองทั้งหมด มีทั้งเรื่องการผิดหวังและจบลงด้วยการมีความหวัง มันเหมือนเป็นวงจร เปลี่ยนฟอร์มตัวเองไปเรื่อยๆ เราคนหนึ่ง เวลาเจออะไรก็ตาม เราเปลี่ยนฟอร์มไปจนเจอร่างสมบูรณ์ของเรา

เฮเลน : เราไม่ได้มองว่าเราอยู่จุดพีคหรือจุดสูงสุดนะ แต่เราพูดถึงความต้องการ ความกล้า แพชชั่น เราไม่รู้ว่าที่อื่นเขาทำงานกันยังไง มีขอบเขตแบบไหนบ้าง แต่อยู่กับ KIKI เราต้องฟรี นั่นคือเป้าหมายเราว่า จบอัลบั้มนี้หรืออัลบั้มนี้เป็นต้นไปเราจะเป็นตัวของเรา

อัลบั้ม Post-existential Crisis (2023) ล่ะ?

เฮเลน : เราวางแผนอัลบั้มให้แข็งแรงมากๆ ดีกว่าเดิมมากๆ แต่เราดันเจอเรื่องราวในชีวิตก่อนช่วงนั้นที่ทำให้เราไปต่อได้ยากมาก มันเกิดความสะเปะสะปะนิดหนึ่ง

บอส : ถ้ามองดีๆ มันคือ Crisis ของเฮเลนในปีนั้น เพราะพ่อเฮเลนเสีย

เฮเลน : แต่โดยปกติแล้วจะไม่ค่อย address ว่าเพลงนี้คือเรื่องอะไร ถึงแม้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่เราไม่ชี้นำ เว้นแต่จะมีคนถาม 

พอเนื้อเพลงเป็นเรื่อง personal ของเฮเลน คำถามคือบอสกับนนท์ซัพพอร์ตในพาร์ทดนตรียังไงให้ทำงานร่วมกันได้?

นนท์ : ปกติดนตรีขึ้นมาก่อน แล้วให้เฮเลนไปตีความว่ารู้สึกยังไง อยากบอกอะไร

บอส : ตอนแรกจะคุยเรื่องธีมหรือโครงของดนตรีคร่าวๆ ก่อน

นนท์ : ดนตรีก็มาจากภาพนี่แหละ เห็นภาพท้องทะเล ชายหาด คลื่นทะเล

บอส : พอมาถึงเฮเลน เฮเลนก็หาเรื่องราวมาคิดเนื้อร้องและเมโลดี้ อัลบั้มที่ 2 ก็เลยกลายเป็นเรื่องราวส่วนตัวเหมือนเดิม แต่จะตีความได้กว้างกว่าเดิม 

‍

‍

ทำไมเขียนเพลงภาษาอังกฤษ?

เฮเลน : เป็นคำถามที่เราเจอบ่อยนะ คือเป้าหมายตอนเราทำเพลง เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในหัวเราขนาดนั้น ภาษาไหนมันก็คือภาษา มันคือการสื่อสาร นอกเรื่องเนื้อหาแล้ว ดนตรีคือการ expression เหมือนเราฟังเพลงจีน เกาหลี ญี่ปุ่น เราไม่เข้าใจนะ แต่เราฟังแล้วอิน ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เราใช้ เราถนัด เราน่าจะสื่อสารได้ดีที่สุด ถ้าลองตัดเนื้อร้องเราออก ดนตรีก็คือภาษาของโลกแล้วนะ ถ้าเรามีแค่ดนตรีเฉยๆ ใครที่ไหนก็ฟังได้ ไม่ต้องใช้ภาษาอะไรเลย ภาษาเหมือนเป็นแค่สื่อกลางที่ขยายความดนตรี ทำให้มันกลมขึ้น แค่นั้นเอง

Process การทำงานโดยปกติของ KIKI ตอนนี้เป็นยังไง?

นนท์ : ทำที่บางนา ส่งไฟล์ไปที่งามวงศ์วาน

บอส : แล้วก็ย้อนกลับไปที่บางนา ไม่มีคนอื่น อย่างมากก็ไปอัดกลองจริง เพราะอยากได้ซาวด์เฉยๆ

นนท์ : โปรดิวซ์กันเอง

เฮเลน : เอาแต่ใจตัวเองได้เต็มที่

แล้วอัลบั้มใหม่จะเล่าเรื่องประมาณไหน?

เฮเลน : เราอยากทำอัลบั้ม 3 ให้มันดี รอบนี้เรามองมันเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง เราจะวนเวียนกับเรื่องความรักมากขึ้น มันเป็น topic ที่เราไม่ค่อยไปแตะเท่าไร ความรักที่ positive นะ แต่มี downfall ของมันด้วย ความรักที่ดี ความรักที่ไม่ดี ความรักหลายรูปแบบ มีเรื่องเพื่อนและ energy ที่ดีรอบๆ ด้วย แล้วก็มาเป็นเพลงสุดท้ายชื่อว่า ‘Oyster’ เพลงหอยนางรม เพราะว่าตอนแต่งหิว อยากกินหอยนางรม

นนท์ : ตอนแรกอยากไปอวกาศกัน สุดท้ายกลับมา อ้าว หอยนางรม

บอส : ไซไฟเป็นแค่ธีม ธีมของเพลง ธีมของดนตรี เพราะเรื่องราวในหนังไซไฟ ก็ไม่จำเป็นต้องโคตรไซไฟ เราว่ามันเป็นเรื่องราวของความรู้สึกที่ไปอยู่ในเซตอัพของหนังแบบนั้น อัลบั้มนี้คือการร้อยเรียงเรื่องราวที่เจอ คนจะมองว่ามาจากต่างดาวก็ได้ หรือคนจะมองว่าเหตุเกิดในจิตใจก็ได้ เราอยากให้ธีมกับภาพมีความเป็นไซไฟ แต่แก่นของเรื่องก็ไม่อยากให้ไซไฟ จนคนรู้สึกจับต้องมันไม่ได้

‍

‍

ตั้งแต่ฟอร์มวงในปี 2021 ถึงตอนนี้ มีประสบการณ์ทัวร์ที่ประทับใจบ้างไหม?

เฮเลน : ฝรั่งเศส

บอส : มันครบรสเลย ระหว่างเดินทางก็ต้องนั่งรถไฟไป เราต้องแบกเครื่องดนตรีกันเองหมด ต่อรถไฟครั้งหนึ่งต้องวิ่งระหว่างชานชาลาภายใน 10 นาที ของก็พะรุงพะรัง วิ่งล้มเข่าแตก ขึ้นไปบนรถไฟมีคนมาหาเรื่องอีก แต่ไปถึงเมืองแซงต์-นาแซร์ มีโปสเตอร์ชื่อเราอันเบ้อเริ่มเลย ที่งานเขาดูแลดีมาก ที่พักศิลปินเป็นรถบ้าน เราเพิ่งได้นั่งรถบ้านครั้งแรก เป็นยุโรปครั้งแรก

เฮเลน : แล้วเขาทำน้ำขิงสดให้สำหรับนักร้อง มันไกลกว่าที่เราคิดอยู่มาก

บอส : พอไปถึงมีเด็กผู้หญิงชูป้ายไฟด้วย

เฮเลน : พ่อแม่เขาบอกว่า ลูกเขานั่งทำทั้งวันเลย น่ารักมาก

บอส : เป็นเฟสติวัลที่จัดในเมือง มีเล่นในเฟสติวัล 2 วัน และก็ให้เป็นเล่นตามบาร์ในเมือง และจะมีวงจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่ฝรั่งเศส

เหมือนเป็นงาน Music City ? 

บอส : ใช่ๆ เหมือนเขาพยายามให้คนมาเที่ยวเมืองนี้ ซึ่งทำได้จริงๆ คนเต็มเมืองเลย

เฮเลน : แล้วเขาบอกว่าปกติเมืองเงียบมาก

มีที่ไหนที่อยากไปเล่นกันอีกมั้ย?

เฮเลน : อยากไปอเมริกาใต้ เรามีแฟนคลับจากบราซิล เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้เยอะมาก

บอส : เห็นหลังบ้านและก็ตามคอมเมนต์ อยากไปมาก เอาจริงๆ อยากไปทุกที่ที่ไม่เคยไป อยากไปเจออะไรใหม่ๆ

ถ้าในเอเชียล่ะ?

เฮเลน : เกาหลีใต้

บอส : เกาหลีคนมันสนุกมากเลย

นนท์ : อาหารอร่อยสุด

บอส : พออยู่หลายๆ วันมันตัดความเลี่ยนของเราได้ มันมีทั้งเปรี้ยวและความเผ็ดแท้ๆ และคนเกาหลีดูแบบคลั่งมากๆ แต่ก็แล้วแต่ที่ ที่ญี่ปุ่นคนก็จะตั้งใจดูมากๆ เหมือนเราตีปิงปองแล้วมีคนตีกลับเรื่อยๆ

‍

‍

มีความท้าทายอะไรในปี 2025 สำหรับ KIKI บ้างมั้ย? 

บอส : มันท้าทายในโอกาสที่เพิ่มมากขึ้นมากกว่า ทุกคนน่าจะสนุกขึ้น เราไปตามจังหวัดที่ไม่ใช่เมืองหลัก คนเปิดใจฟังเพลงมากขึ้น มีวงใหม่ๆ มากขึ้น คนยอมรับมากขึ้น ต่างประเทศสนใจซีนดนตรีไทยมากขึ้น เราว่าจะสนุกมากขึ้น

นนท์ : น่าจะเป็นปีที่วงดนตรีปล่อยเพลงกันมากขึ้น

เฮเลน : เราว่าน่าจะไม่มีคำว่า ‘ท้าทาย’ เพราะพอโอกาสมากขึ้น คนก็จะแข่งขันกันมากขึ้น แต่เราแข่งกับตัวเองก็พอแล้ว เพราะฉะนั้นมันไม่ได้ท้าทายในมุมของเรา แต่ว่าคนอื่นที่อาจจะเพิ่งเริ่มเข้ามาในวงการ อาจท้าทายในมุมที่ว่ามี competitor เยอะมากขึ้นเฉยๆ แต่ช่างมัน จะทำอะไรทำ จะปล่อยอะไรก็ปล่อย เราว่าทุกๆ ปีบาร์พวกนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อยากบอกอะไรกับคนที่กำลังทำเพลงอยู่และอยากมีโอกาสไปไกลแบบ KIKI บ้าง?

เฮเลน : ทำไปเลย ช่างแ*ง

บอส : ขยันทำเพลง ทำโชว์ให้สนุก และอิมแพ็กในแบบของเรา เพราะเราเชื่อว่า ถ้าเราไปเล่นต่างประเทศ ทุกคนมาดิสโคเวอร์เรา เขาจะรู้จักหรือไม่รู้จักช่างมัน เอาให้อยู่หมัดในแบบของเรา

เฮเลน : ง่ายๆ คือเอาให้ตัวเองสนุก ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ อะไรที่ไม่ใช่ตัวเองก็อย่าทำ

บอส : ใช่ ไม่งั้นจะฝืนแล้วไม่สนุก

คำถามสุดท้าย อยากฝากอะไรถึงตัวเองในอีก 5 ปี

บอส : ตู๊ดๆๆๆๆ ส่งเป็นรหัสมอสไป

เฮเลน : ไม่จำเป็นต้อง 5 ปี พรุ่งนี้ก็ต้องเตือนแล้วว่า เราต้องเป็นตัวเองนะ เพราะในวันที่เราไม่เป็นตัวเองและสูญเสียตัวเองมันน่ากลัว บางทีกลับมาไม่ได้ ขอให้ไม่เป็นคนนั้นก็พอ แล้วก็ขอให้ถูกหวย

‍

Read more
Interview
ค้นความสุข หาตัวตน สะสมข้าวของซนๆ ไปกับ ‘รัมภา ปวีณพงษ์พัฒน์’ และ Rumba Bor
“จงหยิบฉันขึ้นมา จงหยิบฉันขึ้นมา” นี่ไม่ใช่เสียงสะกดจิตจากหนอนต้นอ่อนใบชา แต่เป็นเสียงเรียกจากของในกองพะเนินเทินทึก เวลาเราไปขุดของมือสอง
Interview
‘แปลกตาและกล้าลอง’ Primshalyn กับ การออกแบบงานศิลปะที่สวมใส่ได้
ทั้งไฟแช็ก ริบบิ้นติดกล่องของขวัญ โบว์ผูกผม กิ๊บหนีบผม กบเหลาดินสอ ลูกอม ห้อยเรียงกันอยู่ในห้องจัดแสดง ดูๆ แล้วเหมือนงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์
Interview
Alec Orachi มนุษย์หลากเฉดที่อยากเติมสีให้เมืองสีเทา
ตั้งแต่เป็นศิลปินนาม Charo บน SoundCloud จนถึง Alec Orachi บนเวทีที่ระเบิดความ “ม่วนมั่ว” ไปทุกหย่อมหญ้า พูดได้ว่าแจ๊กกี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
Interview
‘จิบเชียงดาวเคล้าธรรมชาติ’ บ่มชีวิตด้วยความสุขเล็กๆ กับ ไพลิน—พิชญาพัค วงศาสุข และ Day Drinkers Collective
‘เชียงดาว’ เมืองเล็กๆ ในหุบเขาของเชียงใหม่ ที่มักจะไปอยู่ในบทสนทนาของผู้คนที่รักธรรมชาติ หมุดหมายของนักเดินทางทั้งไทยและต่างประเทศ
Read more
Interview
ค้นความสุข หาตัวตน สะสมข้าวของซนๆ ไปกับ ‘รัมภา ปวีณพงษ์พัฒน์’ และ Rumba Bor
“จงหยิบฉันขึ้นมา จงหยิบฉันขึ้นมา” นี่ไม่ใช่เสียงสะกดจิตจากหนอนต้นอ่อนใบชา แต่เป็นเสียงเรียกจากของในกองพะเนินเทินทึก เวลาเราไปขุดของมือสอง
Interview
‘แปลกตาและกล้าลอง’ Primshalyn กับ การออกแบบงานศิลปะที่สวมใส่ได้
ทั้งไฟแช็ก ริบบิ้นติดกล่องของขวัญ โบว์ผูกผม กิ๊บหนีบผม กบเหลาดินสอ ลูกอม ห้อยเรียงกันอยู่ในห้องจัดแสดง ดูๆ แล้วเหมือนงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์
Interview
Alec Orachi มนุษย์หลากเฉดที่อยากเติมสีให้เมืองสีเทา
ตั้งแต่เป็นศิลปินนาม Charo บน SoundCloud จนถึง Alec Orachi บนเวทีที่ระเบิดความ “ม่วนมั่ว” ไปทุกหย่อมหญ้า พูดได้ว่าแจ๊กกี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
Interview
‘จิบเชียงดาวเคล้าธรรมชาติ’ บ่มชีวิตด้วยความสุขเล็กๆ กับ ไพลิน—พิชญาพัค วงศาสุข และ Day Drinkers Collective
‘เชียงดาว’ เมืองเล็กๆ ในหุบเขาของเชียงใหม่ ที่มักจะไปอยู่ในบทสนทนาของผู้คนที่รักธรรมชาติ หมุดหมายของนักเดินทางทั้งไทยและต่างประเทศ
Archive
About Us
Collaborate with Us
Contact Us
Subscribe to EQ
Stay up to date with the latest stories
Thank you!
Oops! Something went wrong while submitting the form.