Album Review | คฤหาสน์แห่งความเศร้า - The Whitest Crow
{{spotify}}
อย่าลืม dress code สีดำ!! ขอยินดีต้อนรับสู่ ‘คฤหาสน์แห่งความเศร้า’ อัลบั้มใหม่ล่าสุดจากอีกาสุดร็อก ‘The Whitest Crow’
หลังจาก ‘Siam Psyche’ อัลบั้มล่าสุดปล่อยไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว วันนี้ The Whitest Crow —ไตเติ้ล-ปฏิภาณ สุวรรณสิงห์ (นักร้อง/กีต้าร์), อ๋อง-วิศวชาติ สินธุวณิก (กีต้าร์) แบงค์-นนทพัทธ์ พรหมจาต (เบส) และเบ็น-นัทธพงศ์ พรหมจาต (กลอง) เริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ภายใต้ค่าย Genie Records กับอัลบั้ม ‘Misery Mansion’ หรือ ‘คฤหาสน์แห่งความเศร้า’ อัลบั้มแรกที่พวกเขาร้องภาษาไทยทั้ง 10 แทร็ค เป็นบทเพลงร็อกเรียกน้ำตาหลากสีสัน อัลบั้มนี้นำเสนอรูปแบบความเศร้า ความทุกข์ ความเสียใจ ความผิดหวัง หรือความโดดเดี่ยว ผ่านเรื่องราวและพาร์ทดนตรีที่แตกต่างกัน แต่คงเอกลักษณ์ดนตรีร็อกซิ่งๆ ตามฉบับของพวกเขาไว้อย่างครบถ้วน
The Whitest Crow พาเราเยี่ยมชมคฤสหาสน์แห่งนี้ด้วยแทร็คแรกอย่าง ‘คฤหาสน์แห่งความเศร้า’ นำเสนอนิทรรศการจัดแสดงความเศร้าแบบจุใจ เสมือนบุฟเฟต์น้ำตาไม่อั้น เล่าความเศร้าผ่านดนตรีสไตล์ Rock n’ roll + Breakbeat โดยได้ ‘ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า’ มาร่วมเชื้อเชิญผู้ฟังให้มาสนุกปนความทุกข์ที่คฤหาสน์หลังนี้ เมื่อฟังครั้งแรกแล้ว เรารู้สึกว่าใครมันจะไปเศร้าลงวะ? โดยเฉพาะท่อนกลอง Breakbeat ในช่วงโซโลที่เท่มากๆ และเอเลเมนท์เล็กๆ น้อยๆ อย่างเสียงอีกาหรือเสียงประตูเก่า เอี๊ยดอ๊าด ช่วยส่งภาพรวมของเพลงให้เฮี้ยนมากยิ่งขึ้น
‘วรรณกรรมขายดีอันดับ 1’ บทเพลงสะท้อนความเจ็บปวดของผู้ถูกระทำ จากการถูกคนอื่น ‘เสือก’ นั่นแหละ โดยมีท่อนฮุกที่โคตรจะติดหูอย่าง “ถ้าไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องพูดอยู่เงียบๆ” ผ่านสไตล์ Rock + Rap และผสม Breakbeat อีกเช่นเคย
‘หวานเป็นลมขมเป็นบ้า’ บทเพลงสนุกสดใส แต่ในใจขมเป็นบ้า บอกเล่าการพยายามลืมใครสักคนโดยการดื่มแบบบ้าคลั่ง ทว่าสิ่งที่ดื่มมันไม่ใช่เหล้า แต่เป็นน้ำตา 1 กลม กับกับริฟฟ์กีตาร์ติดหูสุดๆ ตั้งแต่เพลงเริ่ม
‘สำเร็จความเศร้าด้วยตัวเอง’ เห็นชื่อเพลงผ่านๆ ก็ต้องมีสะดุ้งขึ้นมาบ้าง แต่นี่คือเพลงเศร้าที่ถูกกลบเกลื่อนความเจ็บปวดผ่านดนตรีแบบ Neo-psychedelic Rock ว่าด้วยเรื่องของคนที่จมอยู่ในสภาวะแบบงูกินหาง วนลูปในวังวนของความเจ็บปวดจนถึงขั้นที่ติดใจซะแล้ว
‘บ่อน้ำตา’ เพลงร็อกเรียบง่าย มีเนื้อหาธรรมดาอย่าง “ฉันเป็นคนก็มีน้ำตา” ด้วยความที่ดนตรีมันฟังง่ายนี่แหละ จึงทำให้เพลงนี้ทรงพลังสุดๆ เนื้อเพลงทำให้อารมณ์โดดจนทะลุปรอท เพลงทำหน้าที่เหมือนเครื่องสูบน้ำตาออกจากคนฟัง ชวนให้เราอยากร้องไห้เล่นๆ เพื่อระบายความในใจก่อนจะจมน้ำตาตัวเองตายสักวันหนึ่ง
‘แทงรัก’ Ballad rock เล่าถึงเนื้อหาความสัมพันธ์ที่แสน ‘Toxic’ แต่ทำไงได้ เราเสพติดความเจ็บปวดนี้ไปแล้ว เพลงนี้ยังได้เสียงของ Tippsy เข้ามาแจมเพิ่มมิติให้เพลงด้วย ซึ่งทำให้เราเข้าใจมุมมองของคนที่ติดอยู่ในบ่วงความสัมพันธ์นี้มากยิ่งขึ้น
‘นักแสดงนำยอดแย่’ หลายคนคงเคยจินตนาการเล่นๆ ว่า ชีวิตเราอาจจะเป็นหนังเรื่องหนึ่งก็ได้ คล้ายๆ The Truman show (1998) นี่ไม่ใช่แค่เรื่องจินตนาการ เปล่าเลย นี่คือเรื่องจริงและคุณคือนักแสดงหนังชีวประวัติชีวิตของคุณเองได้แย่ที่สุด อาจจะมีคนชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง ไม่เป็นไร เพราะสุดท้ายคนที่เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างก็มีเพียงตัวคุณเอง พาร์ทดนตรีมาในสไตล์ britrock ช้าๆ แต่หนักหน่วง ค่อยๆ กัดกินให้เราเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงนี้ด้วย
‘I ROCK YOU’ หลังจากฟังเพลงช้าและเจ็บปวดเจียนตายกันชุดใหญ่ ทางวงเลยคั่นด้วยเพลงที่สว่างขึ้นมาหน่อย กับบทเพลงของอีหนุ่มร็อกที่พยามชนะใจสาว R&B แต่แน่นอนว่าเพลงไม่ได้นำเสนอออกมาเป็น R&B เลย แต่กลับถูกดีไซน์ออกมาให้เป็นเพลงร็อกวัยรุ่นคีย์ Major ขึ้นมาซะงั้น ราวกับว่าถึงแม้เราชอบใครสักคนมากแค่ไหน แต่การต้องเปลี่ยนตัวตนเพื่อใครสักคน 100% ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากอยู่ดี
‘ดอกไม้ในหนังสือหน้าที่ 75’ บทเพลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการของพวกเขากับค่ายใหม่ เล่าเรื่องการพยายามทำความเข้าใจ ‘ความรัก’ โดยได้แรงบันดาลใจจากหนังสือ ‘ว่าด้วยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม’ ของกฤษณมูรติ กับประโยคที่กล่าวว่า “หากคุณไม่เข้าใจธรรมชาติ ชีวิตนี้คุณคงไม่สามารถครอบครองอะไรได้เลย แม้แต่คนรักของคุณ” เพลงนี้จึงถูกเล่าผ่านดนตรี Folk ผสม Post-rock ทำให้เราได้ทบทวนคำถามที่ว่า “ความรักคือการครอบครองจริงๆ หรือไม่?” เปรียบได้กับการที่เราเก็บดอกไม้ที่เราชอบมาเก็บไว้กลางหนังสือที่มี 150 หน้า เพื่อครอบครองมันโดยไม่สนว่าจะเหี่ยวเฉา แห้ง และจะจากเราไปสักวันหนึ่ง
เดินทางมาถึงเพลงสุดท้ายอย่าง ‘ฉัน ฉัน และ ฉัน’ ตอนเราได้ฟังครั้งแรก เราอยากจะทักไปถามวงว่า “เขียนเพลงมาขนาดนี้ไม่เอามีดมาแทงกันไปเลยล่ะ” เพราะนี่คือการบอกเล่าสภาพสงครามและสนามรบที่ทหารทุกนายคือตัว ‘ฉัน’ และ ‘ฉัน’ เท่านั้น เพลงนี้เป็นตัวแทนของความขัดแย้งภายในใจ รวมถึงการรักษาบาดแผลภายในใจผ่านการทำความเข้าใจชีวิตพร้อมกับการเติบโต ดั่งประโยคที่ว่า “ไม่มีใครเข้าใจเรามากที่สุดนอกจากตัวเราเอง” และ “ไม่มีใครทำให้เราเสียใจมากที่สุดนอกจากตัวเราเองเช่นกัน” บทเพลงยังเล่าผ่านดนตรีร็อกช้าๆ แต่กระแทกใจสุดๆ
‘คฤหาสน์แห่งความเศร้า’ คืออัลบั้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการบอกเล่าเรื่องราวความไม่สมหวังอย่างมีมิติและเป็นมนุษย์มากๆ เนื้อหามีความ personal แต่ถูกถ่ายทอดออกมาให้เข้าถึงได้ง่าย แต่ก็อาจเป็นเพราะมนุษย์ทุกคนล้วนโตมากับความเจ็บปวด ความทุกข์ และความผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา
สามารถรับฟัง The Whitest Crow - ‘คฤสหาสน์แห่งความเศร้า’ ได้แล้วที่ Music Streaming ทุกช่องทาง